06-13
กรมโรงงานฯ ดึงหน่วยความมั่นคงร่วมลงพื้นที่ปราบขยะพิษฉาวที่อยุธยาหวังให้สิ้นซาก
2025-06-11
IDOPRESS
กรมโรงงานฯ เอาจริงลุยปราบขยะพิษให้สิ้นซาก ดึงหน่วยความมั่นคง เสริมทัพร่วมปราบแหล่งขยะพิษ 3 พื้นที่ฉาวที่อยุธยา พร้อมเดินหน้าทำกฎหมายกากอุตสาหกรรม ปิดประตูตายไทยไม่ใช่ที่ทิ้งขยะโลก
นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ระบุว่า ได้ติดตามปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการลักลอบซุกซ่อนกากสารพิษและขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มผู้ประกอบการ “จีนเทา” ที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประเทศ โดยวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม เข้าประชุมหารือร่วมกับสำนักบูรณาการและขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (สบข.กอ.รมน.) ซึ่งมี พล.ต.สามารถ คงสาย ผู้อำนวยการ สบข.กอ.รมน. เป็นประธานการประชุม
นอกจากนี้ยังมีพ.อ.วีระชัย ผองแก้ว รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สอจ.พระนครศรีอยุธยา) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อวางแผนรับมือและกวาดล้างขบวนการลักลอบซุกซ่อนกากสารพิษและขยะอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการให้ สบข.กอ.รมน. เตรียมออกมาตรการการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของรัฐบาลและขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้สามารถแก้ไขปัญหาครอบคลุมพื้นที่ 16 อำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีโรงงานผลิตและรับจ้างบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรมที่มีใบอนุญาตรีไซเคิล ประเภทโรงงานลำดับที่ 106 จำนวน 43 โรงงาน โดยเป็นโรงงานหรืออาคารโกดังที่ประกอบกิจการไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขการอนุญาต จำนวน 3 แห่ง ดังนี้
1. บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) ในตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
2. บริษัท ซันเทค เคมิคอล แอนด์ โลจิสติกส์ จำกัด ในตำบลอุทัย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ
3. โกดังเก็บสารเคมีอันตรายหลายพันตัน (โกดังภาชี) ถนนสายบ้านภาชี-หินกอง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นอกจากนี้ กอ.รมน. เตรียมเสนอรัฐบาลพิจารณาข้อตกลงร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ในภารกิจแก้ไขปัญหาการลักลอบซุกซ่อนกากสารพิษและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการบูรณาการวิธีการและอุปกรณ์เครื่องมือที่จะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เกิดผลกระทบคุกคามประชาชนและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
พร้อมทั้งสนับสนุนการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย และกฎหมายว่าด้วยโรงงาน รวมถึงการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายว่าด้วยกากอุตสาหกรรม ที่มีรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดบทลงโทษและค่าเสียหายทางแพ่งให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับความรุนแรงของการกระทำผิดหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
จากนั้นในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำทีมคณะ สบข.กอ.รมน. และคณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตงานหรือรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ (TOR) ลงพื้นที่ บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) และ โกดังภาชี ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการลักลอบซุกซ่อนและเททิ้งกากอุตสาหกรรมจากเอกอุทัยฯ เพื่อสำรวจตรวจสอบสภาพพื้นที่ปัจจุบัน โดยในปี 2568 กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 73 ล้านบาท สำหรับใช้จัดการของเสียและสารเคมีวัตถุอันตรายในโกดังภาชี คาดว่า จะได้ผู้รับจ้างและลงนามสัญญาจ้างในช่วงเดือนกันยายน 2568