เศรษฐกิจโลกทรุดต่ำในรอบ 17 ปี หั่นจีดีพีไทยร่วง ครึ่งปีหลังเสี่ยงถดถอย

2025-06-11     HaiPress

เวิลด์แบงก์ ชี้เศรษฐกิจโลกทรุดต่ำในรอบ 17 ปี หั่นจีดีพีไทยร่วง ครึ่งปีหลังเสี่ยงถดถอย

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงเหลือ 2.3% จาก 2.7% จากผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการค้า ถือเป็นการเติบโตช้าสุดนับตั้งแต่ปี 51 หรือในรอบ 17 ปี ขณะที่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ เหลือ 1.8% จาก 2.9% เป็นการลดลงมากถึง 1.1% จากรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับต้นปีในเดือน ม.ค. จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย และกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว

น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในปีนี้ 1.4% และในช่วงครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค โดยเศรษฐกิจไทยยังเจอความไม่แน่นอนสูงจากมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐ แต่ถ้าหากสหรัฐเก็บภาษี 10% ตลอดทั้งปี คาดว่าส่งออกไทยจะขยายตัว 0.5% และจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโต 1.8%

นายทิม ลีฬหะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 68 ลงเหลือเติบโต 2% จากเดิมที่คาด 2.4% เนื่องจากความไม่แน่นอนของการค้าโลก จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ภาคการบริโภคชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และความเคลื่อนไหวทางการเมือง

“ยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังในเรื่องดุลการค้า แม้ว่าการส่งออกที่เกี่ยวกับภาคอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวขึ้น ในขณะที่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากกำลังจะออกจากฤดูกาลท่องเที่ยว ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง”

ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ น่าจะยังไม่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเท่าจุดสูงสุดในช่วงก่อนโควิดระบาด นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 69 ลงเหลือ 2% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 4.5% โดยเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ 0.5% ในปี 68 และในปี 69 อยู่ที่ 1%

“ในตอนนี้ไปจนถึงต้นไตรมาสที่ 4 เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ตั้งไว้ที่ 1-3% และได้ปรับลดคาดการณ์เงินบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลงเหลือ 2% ของจีดีพี หรือประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องมาจากดุลการค้าลดลง และคาดว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%  มาอยู่ที่ 1.50% ในการประชุมเดือน ส.ค.”

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา