06-12
ลุ้นพรุ่งนี้ พิชัยนั่งหัวโต๊ะ เคาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนแรก 1.57 แสนล้าน
2025-06-10
IDOPRESS
พิชัย เคาะพรุ่งนี้ งบกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนแรก จากทั้งหมด 1.57 แสนล้าน หนุนลงทุนเร่งด่วน คาดท่องเที่ยว ส่งออกได้ก่อน พร้อมจ่อชงชุดใหญ่นายกฯ และ ครม. คาดเม็ดเงินบาทเบิกจ่ายกระตุ้นได้ ก.ค.นี้
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 10 มิ.ย. 68 จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท เพื่อพิจารณาโครงการที่จะเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่าการพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้งบ 1.57 แสนล้านบาท จะไม่ทันเสนอเข้าที่ประชุม ครม. วันที่ 10 มิ.ย.นี้ ต้องรอลุ้นเสนอ ครม. ในสัปดาห์ถัดไป ส่วนจะทยอยเสนอโครงการให้ ครม.อนุมัติ หรือเสนอทั้งกรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทเลยนั้น จะต้องรอติดตามผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ อีกครั้งก่อน จึงจะมีความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่ออนุมัติโครงการที่จะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท หลังจากในการประชุมรอบก่อนเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้อนุมัติโครงการใด ๆ โดยให้ทุกหน่วยงานกลับไปทบทวนรายละเอียดและนำกลับมาเสนอใหม่เนื่องจากมีการรุมขอใช้งบมากถึง 4 แสนล้านบาท สูงกว่างบที่มีถึง 3 เท่าตัว
ที่ผ่านมา โครงการที่เสนอมามีเป็นหลายหมื่นโครงการ ทางสำนักงบประมาณจะมีการรวบรวมคำขอใหม่เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมในวันพรุ่งนี้ โดย รมว.คลัง ขอให้ทุกหน่วยงานดูรายละเอียดโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งหากอนุมัติแล้วจะเสนอให้คณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณา ก่อนเสนอให้ ครม.เห็นชอบในสัปดาห์ต่อไป โดยตั้งเป้าหมายมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก้อนแรกในเดือน ก.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่า การอนุมัติอาจแบ่งการใช้งบกระตุ้นเป็นเฟส ๆ ไม่ได้อนุมัติก้อนเดียว 1.57 แสนล้านบาท เช่น โครงการที่จำเป็น มีความพร้อม และตรงตามวัตถุประสงค์ อาทิ เที่ยวคนละครึ่งสำหรับกระตุ้นการท่องเที่ยวโลว์ซีซั่น โครงการช่วยเหลือผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ จะได้รับอนุมัติก่อน เพราะเป็นไปตามกรอบที่วางไว้ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน คือ พัฒนาแหล่งน้ำป้องกันภัยแล้ง-น้ำท่วม พัฒนาระบบประปา แก้ปัญหาคมนาคมรถไฟ-ถนน พัฒนาถนน 2. ด้านท่องเที่ยว และความปลอดภัย 3. ด้านเกษตร แรงงาน ดิจิทัล และ 4. เศรษฐกิจชุมชน เช่น อัดฉีดเงินสู่กองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น