05-22
ปรับเงื่อนไขคุณสู้เราช่วย ข้อสรุป มิ.ย.นี้ ลุ้นหนี้ครัวเรือนไทยลดต่ำ 88%
2025-05-21
HaiPress
ธปท.ปรับเงื่อนไขคุณสู้เราช่วย ข้อสรุป มิ.ย.นี้ ลุ้นหนี้ครัวเรือนลดต่ำ 88%
วันที่ 20 พ.ค. น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกันระหว่าง ธปท. กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ พิจารณาปรับเงื่อนไขมาตรการคุณสู้เราช่วย ซึ่งต้องเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการชุดต่างๆ ด้วย
โดยปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปในรายละเอียดออกมา ถ้ามีความชัดเจนจะเปิดเผยอีกครั้ง คาดว่าจะออกมาได้ช่วงกลางเดือน มิ.ย. หรือปลายเดือน มิ.ย.นี้ ก่อนที่โครงการจะสิ้นสุดระยะมาตรการ
“ในการทำมาตรการต้องดูผลกระทบต่างๆ อย่างข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ของคุณสู้เราช่วย ว่าค้างชำระหนี้ 1 วันก็สามารถเข้าร่วมได้นั้น ต้องดูว่าลูกหนี้เข้าข่ายเป็นอย่างไรแต่ไม่ใช่ค้างแค่ 1 วันได้ แต่มีเงื่อนไขอื่นประกอบด้วย”
สำหรับความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้ ในไตรมาสแรกปี 68 บัญชีช่วยเหลือสะสม 1.5 ล้านบัญชี คิดเป็น 8 แสนล้านบาท ถ้าไปดูในรายละเอียด เป็นลูกหนี้แบงก์รัฐเป็นหลัก ส่วนโครงการคุณสู้เราช่วย มีขอความช่วยเหลือ 1.3 ล้านราย คิดเป็น 1.7 ล้านบัญชี ตรวจสอบแล้วสามารถเข้าร่วมได้ 5.8 แสนราย คิดเป็น 30% โดยมียอดหนี้ 4.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 48% ของผู้ลงทะเบียน
ส่วนการส่งผ่านการลดดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้เกิดการกระตุ้นปล่อยกู้ ซึ่งเป็นเรื่องของความเสี่ยงผู้กู้มากกว่า แต่การลดดอกเบี้ยเป็นการลดภาระของผู้กู้ โดยยอมรับว่าการส่งผ่านในรอบนี้ ส่งผ่านน้อย น้อยกว่าสองรอบที่ผ่านมา แต่ถ้ารวมสามรอบ ดอกเบี้ยจะถูกลดมากกว่าช่วงปี 63-64 ซึ่งเป็นช่วงโควิด และตอนนี้ยังไม่มีธนาคารไหนลดดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์
น.ส.สุวรรณี กล่าวว่า หนี้ครัวเรือนไตรมาส 4 ปี 67 ล่าสุดอยู่ที่ 88.4% ต่อจีดีพี คาดว่าแนวโน้มไตรมาสแรกออกมาเดือน มิ.ย. น่าจะลดลงต่ำกว่า 88% โดยยอดหนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอล ในไตรมาสแรก ปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 5.48 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.9% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ 2.78% มาจากสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีคุณภาพหนี้ด้อยลง ขณะที่หนี้ใกล้เป็นเอ็นพีแอล หรือ เอสเอ็มปรับลดลงจากการชำระคืนหนี้ของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้สัดส่วนเอสเอ็มทรงตัวที่ 6.97%
“ในไตรมาสสอง มีความท้าทายมากผลกระทบของสงครามการค้า และสินค้าต่างประเทศเข้ามาแข่งขันในไทย ถ้าผลการเจรจาไม่ได้ข้อยุติ แนวโน้มส่งออกจะได้รับผลกระทบ และอาจเจอพายุตามที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.ได้บอกไว้ ที่จะเกิดขึ้นในไตรมาส 3-4 นี้ โดยธปท.ต้องติดตามใกล้ชิดและคุยกับธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการ พร้อมคาดว่าไตรมาส 2 นี้ สินเชื่อธนาคารยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง”