“ธุรกิจร้านอาหาร” ปี 68 สาหัสกว่าช่วงโควิด วอนรัฐบาลออก 5 มาตรการเร่งด่วนก่อนเศรษฐกิจพัง

2025-05-19     HaiPress

ธุรกิจร้านอาหารปี 68 สาหัสกว่าช่วงโควิด วอนรัฐบาลออก 5 มาตรการเร่งด่วนก่อนเศรษฐกิจพัง แนะโยกเงินหมื่นเฟส 3 ทำโครงการคนละครึ่งเพื่อกระตุ้นยอดซื้อ ชี้เงินหมื่น 2 รอบ ไร้พายุหมุนทางเศรษฐกิจ

🔊 ฟังข่าว

⏸️ หยุดชั่วคราว

🔄 เริ่มใหม่

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร เปิดเผยว่า ในนามประธานชมรมผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ขอวิงวอนนายกและทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ให้รีบออกมาตราการเร่งด่วนเพื่อมาประคองสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ก่อนที่จะพังไปจนไม่เหลืออะไรให้พังไปกว่านี้แล้ว โดยช่วงโควิดรัฐบาลขณะนั้นออกมาตราการต่างๆ มาช่วยพยุง ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ประกันสังคม มาตรการภาษีที่ให้คนเก็บใบกำกับภาษีจากร้านอาหารไปลดหย่อนภาษีได้ การอัดเงินเข้าระบบแบบตรงจุดตรงเป้า ด้วยโครงการคนละครึ่ง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนทั่วไปแถมรักษากำลังซื้อไว้ได้ประมาณหนึ่ง มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ออกมาอย่างทันเวลา สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศได้อย่างครึกครักแบบไม่น่าเชื่อ

สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่รัฐบาลควรดำเนินการทันที อาทิ

รีบนำเงินสำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทในเฟสที่ 3 มาทำโครงการคนละครึ่ง 6 เดือน ให้ประชาชน เพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอาหารประจำวันและกระตุ้นกำลังซื้อให้ร้านอาหารตั้งแต่ริมทางไปถึงร้านใหญ่ เพราะการอัดเงินแบบกระจัดกระจายไม่ตรงเป้า ไม่ตรงปก ด้วยโครงการแจกเงินหมื่นจำนวนกว่าหลายแสนล้าน แล้วป่าวประกาศว่าเงินจะหมุนหลายรอบในระบบ แต่สุดท้ายเงินหายไปกับเจ้าหนี้หมด ร้านอาหารสตีทฟู้ด ร้าน SMEs หรือตลาดสดแทบไม่ได้รับผลพายุเงินหมื่นทั้งสองรอบที่แจกไปเลยออกมาตรการให้ลูกค้าเก็บใบกำกับภาษีร้านอาหาร นำไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลได้ในปีถัดไป ซึ่งไม่ต้องใช้งบประมาณเลย แถมได้ภาษีเต็มๆ คืนเข้าคลังอีกต่อควบคุมดูแลค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และราคาสินค้าวัตถุดิบ เพราะยิ่งเข้าหน้าแล้ง ราคาพืชผักจะสูงขึ้นหลายเท่าเหมือนปีที่แล้วอีกลดเงินค่าประกันสังคมให้ผู้ประกอบการครึ่งหนึ่งถึงสิ้นปี 2568 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายบริษัทร้านค้าเร่งวางแผนระยะสั้นในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้กลับมา และวางแผนระยะยาวแบบบูรณาการ 15 ปี เพื่อให้การท่องเที่ยวประเทศไทยเติบแบบยั่งยืน ไม่ใช่เน้นแค่จัดอีเวนต์เป็นฉากๆ ไปตามฤดูกาลงบประมาณ 

“ชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารพยายามบอกนายกฯ และรัฐบาลมาโดยตลอด ว่าควรเร่งออกมาตรการด้านลดหย่อนภาษี ด้วยการให้ประชาชนสามารถเก็บใบกำกับภาษีร้านอาหารไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินคนละ 2 หมื่นบาท และนิติบุคคลเมื่อจัดเลี้ยง เลี้ยงรับรอง สามารถใช้ใบกำกับภาษีไปลดหย่อนภาษีในปีถัดไปได้ไม่เกิน 1 แสนบาท แต่รัฐบาลในยุคนี้ก็เงียบกริบเหมือนไม่ได้ใช้สมองคิดตาม จนเกิดสภาพแบบปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าปลายปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ควรมีงานจัดเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานเลี้ยงเกษียณ งานเลี้ยงรับปริญญา แต่กลับเงียบกริบแทบไม่มีเลย” 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการล่าช้าจนไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการได้ เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเคยเรียกร้องไปก่อนแล้วว่าควรรีบออกมาให้ทันไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 เพราะสภาพเศรษฐกิจเริ่มส่อแววไม่ดี แต่กว่ารัฐบาลจะสรุปรายละเอียด ก็ปาเข้าไปจะจบไตรมาสแรกของปี 2568 แล้ว ซึ่งถึงเวลานี้ประชาชนก็ไม่มีเงินเหลือจะเที่ยวกันแล้ว นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยว ที่เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวสุดท้ายของประเทศไทยที่ติดๆ ดับๆ จนกระทบถึงร้านอาหารขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่ออกมาแจ้งปิดเพราะเจ๊งกันระนาว หรือไม่ก็ยอดขายกำไรหายไปเกิน 50% อีกมากมาย  

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา