04-23
ค่าเงินบาทผันผวน พลิกแข็งค่าตามราคาทองคำโลก หวั่นสงครามการค้าสหรัฐ
2025-04-14
IDOPRESS
สรุปค่าเงินบาทผันผวน พลิกแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ แตะ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ ตามราคาทองคำตลาดโลกที่พุ่งขึ้น จับตาสงครามการค้าสหรัฐ
วันที่ 12 เม.ย. น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทแกว่งตัวผันผวน พลิกแข็งค่าหลุดแนว 34.00 แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ที่ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ ตามราคาทองคำตลาดโลกที่พุ่งขึ้น
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 4 เดือนครึ่งที่ 34.98 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางอ่อนค่าของสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย นำโดย เงินหยวน หลังภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐ เริ่มมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับอานิสงส์จากราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ประกอบกับเงินดอลลาร์ เผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจาก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศชะลอการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariffs ให้กับหลายประเทศ ยกเว้นจีน เป็นเวลา 90 วัน (แต่ยังเก็บอัตราภาษีพื้นฐาน 10% อยู่)
เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ที่ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ หลังเงินดอลลาร์ มีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาด และความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยกระดับความตึงเครียดขึ้นตามอัตราภาษี Reciprocal Tarriff ที่ปรับขึ้นเพื่อตอบโต้กัน
ในวันศุกร์ที่ 11 เม.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.55 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 เม.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 8-11 เม.ย. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,248 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 5,529 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 6,069 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 540 ล้านบาท)
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-18 เม.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.50-34.20 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทิศทางค่าเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงผลการประชุม ECB และธนาคารกลางเกาหลีใต้
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือน มี.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือน เม.ย. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2568 และตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค. ของจีน รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน