ชงนายกฯ รื้อใหญ่ 4 ระบบรักษาพยาบาล ห่วงงบพุ่ง 3.6 แสนล้าน ข้าราชการจ่ายแพงสุด

2025-03-13     IDOPRESS

พิชัย ถกใหญ่ รายงานนายกฯ รื้อค่ารักษาพยาบาล 4 ระบบ หลังใช้เงินบานตะไททะลุ 3.6 แสนล้าน ห่วงภาระคลังหนักอึ้งไปต่อไม่ไหว ชี้ข้าราชการจ่ายแพงสุด 1.8 หมื่นต่อหัว ปรามนำเข้ายา 2 แสนล้าน พร้อมเห็นชอบ 8 แนวทางแก้ไข

เมื่อเวลา 16.00 น. กระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาค่ารักษาพยาบาลของสวัสดิการรักษาพยาบาลของประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมนัดแรก ได้หารือถึงแนวทางดูแลงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของภาครัฐ ซึ่งมี 4 ระบบ ได้แก่ ระบบสวัสดิการสิทธิรักษาข้าราชการ ระบบสิทธิรักษาพยาบาลองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ระบบสิทธิรักษาประกันสังคม และสิทธิรักษาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ที่พบว่ามีตัวเลขใช้งบประมาณเพิ่มสูงรวดเร็ว และสูงเกินมากกว่าจีดีพี จึงต้องมาดูว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพอย่างไร โดยไม่ทำให้สิทธิการรักษาเดิมได้รับผลกระทบลง

ด้านนายจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลในระบบเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยทั้ง 4 ระบบ มีสูงถึง 3.6 แสนล้านบาท ครอบคลุมกว่า 64-65 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นปีละ 11% มากกว่าจีดีพีที่โตเพียง 2% กว่า โดยหากปล่อยให้เพิ่มเช่นนี้ จะเป็นภาระต่องบประมาณ อีกทั้งยังพบว่ามีความเหลื่อมล้ำของค่ารักษา โดยค่ารักษาของกลุ่มข้าราชการเฉลี่ยสูงถึง 1.8 หมื่นบาทต่อคน รองลงมาเป็นสิทธิค่ารักษาของ อปท. สูงกว่า 1.2 หมื่นบาทต่อคน สิทธิประกันสังคม 4.9 พันบาทต่อคน และสิทธิบัตรทอง 3.8 พันบาทต่อคน

ทั้งนี้ ผลการประชุมยืนยันยังคงให้สิทธิเท่าเดิม แต่จะมีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานขึ้น ตลอดจนใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ และยังไม่มีการคุยถึงการรวมสิทธิรักษาพยาบาลทั้ง 4 ระบบเข้าด้วยกัน หรือนำระบบประกันภัยเข้ามาช่วยบริหาร แต่ที่ประชุมได้กำหนดกรอบการทำงาน 8 ด้าน และให้ทำเร่งด่วน 2 ด้าน คือ ดูเรื่องงบประมาณรายจ่ายในภาพรวมของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาล และเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อยาในแต่ละปี ไทยมีการนำเข้ายาถึงปีละ 2 แสนล้านบาท

“จะต้องดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า การซื้อยาอาจซื้อยาที่เป็นชื่อสามัญ แทนชื่อทางการค้า เพื่อให้ราคาถูกลงแต่ประสิทธิภาพเท่าเดิม รวมถึงการลงทุนผลิตยาเองในประเทศ และรวมกันซื้อยาทีละมาก เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองด้านราคา นอกจากนี้ ยังมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน ซึ่งผลการประชุมจะมีการเสนอให้ นายกรัฐมนตรี และ ครม. พิจารณาต่อไป”

สำหรับที่ประชุมได้เห็นชอบ 8 แนวทางการบริหารงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของไทย ได้แก่ 1.สปสช. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานนอกสังกัด ทบทวนเกณฑ์เบิกจ่าย และควบคุมการใช้จ่ายทุกสิทธิให้เหมาะสมภายในวงเงินที่ได้รับจัดสรรเพื่อไม่เป็นภาระการคลัง 2.สปสช. ให้บริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิ เช่น นำงบเหลือจ่ายมาสมทบเงินกับงบประมาณปี 68 3.กระทรวงสาธารณสุข มีมาตรการสั่งจ่ายยาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกสิทธิ 4.ให้ทุกหน่วยงานเชื่อมโยงข้อมูลเป็นระบบเดียวกัน

5.สปสช. เร่งส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุก และทบทวนการใช้วินิจฉัยโรคร่วมให้สอดคล้องต้นรักษาค่าพยาบาล รวมถึงจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ มาใช้จัดทำงบปีถัดไป 6.ให้กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการขาราชการพลเรือน พิจารณาหลักเกณฑ์จัดสวัสดิการค่ารักษาของข้าราชการในระบบ และที่บรรจุใหม่ 7.ให้ร่วมกันกำหนดฐานราคากลางของยา วัคซีน เวชภัณฑ์ ให้เป็นมาตรฐาน และรวมกันจัดซื้อในปริมาณที่มากเพื่อให้ต่อรองราคาได้คุ้มค่า รวมถึงดึงดูดการลงทุนใหม่เข้ามา และ 8.เสนอคลังพิจารณาเก็บภาษีเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าที่ทำลายสุขภาพ

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา