นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ถกบอร์ดกระตุ้นเศรฐกิจ จ่อเคาะเงินหมื่นเฟส3

2025-03-10     IDOPRESS

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ถกบอร์ดกระตุ้นเศรฐกิจ จ่อเคาะเงินหมื่นเฟส3 พร้อมปรับเงินเงื่อนไขจูงใจร้านค้าเข้าร่วมโครงการ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 สำหรับบุคคลทั่วไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับเงินหมื่นบาทตามนโยบายรัฐบาล

ภายหลังรัฐบาลดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปแล้ว2ครั้ง ผ่านการแจกเงิน10,000บาทเข้าบัญชีพร้อมเพย์ของในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี2567ผ่านกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ รวมประมาณ17ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณกว่า1.85แสนล้านบาท

ทั้งนี้ยังเหลือประชาชนอีกกลุ่มใหญ่ ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐของรัฐบาลไปแล้วก่อนหน้านี้ คือ บุคคลทั่วไปที่มีอายุ 16- 59 ปี ที่ จำนวน 16 ล้านราย ซึ่งคนกลุ่มนี้กำลังรอความชัดเจนของรัฐบาลว่า จะเริ่มต้นการแจกเงินได้ภายในเดือนไหน แม้ว่าที่ผ่านมานายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง จะยืนยันว่า การแจกเงินดิจิทัล 10,000 เฟส 3 ให้กับบุคคลทั่วไป จะจ่ายได้ภายไตรมาส 2 ระหว่างเดือนเมษายน–มิถุนายน 2568

ด้วยเหตุนี้จึงต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันที่ 10 มีนาคม นี้ ว่าที่ประชุมจะอนุมัติโครงการ พร้อมทั้งรายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ออกมาทันทีหรือไม่ เพื่อให้กระบวนการขับเคลื่อนการทำงานสามารถทันตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งใจไว้ว่าจะผลักดันให้ได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ขณะที่กระทรวงการคลัง ยังเสนอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการแคช เอาต์ หรือการให้ร้านค้าถอนดิจิทัลออกมาเป็นเงินสดได้ง่ายขึ้น โดยจากเดิมร้านค้าที่ถอนเงินสดได้จะต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น เปลี่ยนมาเป็นร้านค้ารายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบภาษีก็สามารถถอนเงินสด เพื่อจูงใจให้เข้าร่วม และให้มีเงินหมุนเวียนในผู้ประกอบการรายย่อยแทนรายใหญ่

นอกจากนั้นกระทรวงการคลังยังเตรียมสรุปมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้น อาทิ มาตรการแปลงกองทุนLTFเดิมไปเป็นกองทุนThai ESG X (กองพิเศษ หรืออาจใช้ชื่ออื่น) เพื่อหยุดแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)ที่ปัจจุบันมีมูลค่าคงค้างเหลืออยู่กว่า 1.8 แสนล้านบาท

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา