03-10
“ดนุชา” เผย หนี้สินครัวเรือนไตรมาสสามปี 67 ขยายตัวในอัตราชะลอลง
2025-02-26
IDOPRESS
"ดนุชา" เผย หนี้สินครัวเรือนไตรมาสสามปี 67 ขยายตัวในอัตราชะลอลง ส่วนสถานการณ์การจ้างงานลดลงเล็กน้อย
นายดนุชา พิชยนันท์เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติแถลงภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 สถานการณ์การจ้างงานลดลงเล็กน้อยโดยอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ หนี้สินครัวเรือน (ไตรมาสสาม ปี 2567) ขยายตัวในอัตราชะลอลง แต่หนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่แย่ลง สำหรับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ การเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวัง และการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอสถานการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจ3เรื่องได้แก่1.คนต่างด้าวกับระบบสาธารณสุขชายแดน 2.ผลกระทบของการใช้สมาร์ตโฟนต่อสุขภาพจิตของGen Z :บทเรียนจากต่างประเทศ 3.การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลจากภัยไซเบอร์ที่ไม่รู้ตัว รวมทั้งนำเสนอบทความเรื่อง“การบรรลุเป้าหมายSDGsในการยุติความยากจนหลายมิติ”
สำหรับอัตราการผู้มีงานไตรมาสที่สี่ปี 2567 ทำมีจำนวนทั้งสิ้น 40.1 ล้านคน ลดลงจากไตรมาสสี่ ปี 2566 เล็กน้อย 0.4% จากการลดลงอย่างต่อเนื่องของการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ 3.6% ขณะที่ภาพรวมสาขา นอกภาคเกษตรกรรมยังขยายตัวได้ที่ 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเฉพาะสาขาโรงแรม/ภัตตาคารที่ขยายตัว 9.4% และสาขาการขนส่ง/เก็บสินค้าที่ขยายตัวตามการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนสาขาการผลิตขยายตัวเล็กน้อย 0.3% จากอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่การผลิตคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตยานยนต์ และการผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี การจ้างงานยังหดตัวลงต่อเนื่อง
ขณะที่ชั่วโมงการทำงานโดยรวมเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมและเอกชนอยู่ที่ 42.8 และ 47.3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตามลำดับ โดยผู้ทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้น 1.5% แต่ผู้เสมือนว่างงานและผู้ทำงานต่ำระดับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ที่ 1.9% และ 6.0% ตามลำดับ อัตราการว่างงานปรับเพิ่มขึ้นอยู่ 0.88% หรือมีผู้ว่างงานจำนวน 3.6 แสนคน ซึ่งในกลุ่มที่เคยทำงานมาก่อนส่วนใหญ่ออกมาจากสาขาการผลิต และสาขาการขายส่ง/ขายปลีก ภาพรวมปี 2567 อัตราการมีงานทำ ปี 2567 อยู่ที่ 98.6% ทรงตัวจากปี 2566 โดยจำนวนผู้มีงานทำมีจำนวน 39.8 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่ 0.3% ขณะที่อัตราการว่างงานในปี 2567 อยู่ที่ 1.00%
สำหรับประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญ ได้แก่1.การกีดกันทางการค้าในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษีจากสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและการจ้างงาน ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งไทยยังมีประเด็นด้านการจัดการการค้ามนุษย์ ที่ได้รับการจัดอันดับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกาให้อยู่ในระดับTier2 มาตั้งแต่ปี 25652.การตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างชาติ เพื่อป้องกันการทำงานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งแม้ว่าไทยจะมีมาตรการนำเข้าและต่ออายุแรงงานต่างด้าวตามMOUแต่ยังพบการกระทำผิดของสถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก และ3.แรงงานหญิงที่ตั้งครรภ์จำนวนมากยังไม่ได้ใช้สิทธิลาคลอดเต็มจำนวนโดยเฉลี่ยใช้เพียง30 – 59วัน จากสิทธิวันลาคลอดทั้งสิ้น 98 วัน เนื่องจากต้องการรายได้/โอที รวมทั้งการกลัวถูกลดโบนัส แม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะสนับสนุนให้บุตรได้ทานนมแม่ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือนก็ตาม