03-10
เชื่อ! ขึ้นค่ากำเหน็จ ไม่กระทบคนซื้อ
2025-02-25
IDOPRESS
เชื่อ! ขึ้นค่ากำเหน็จทองรูปพรรณไม่กระทบคนซื้อ เป็นแค่ราคาขั้นต่ำ 800 บาท ลวดลายยากราคายิ่งสูง
รายงานข่าวจาก สมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า เนื่องด้วยในปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้สมาชิกสมาคมค้าทองคำได้เรียกร้องมายังสมาคมให้มีการปรับเปลี่ยนราคากลางค่ากำเหน็จทองรูปพรรณให้เหมาะสมกับต้นทุนของการประกอบธุรกิจค้าทองคำในปัจจุบัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการสมาคมค้าทองคำ จึงได้ร่วมกันพิจารณา และมีมติในที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมค้าทองคำ ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 68 ให้ปรับเปลี่ยนราคากลางค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 500 บาท ต่อบาททองคำ ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่1 พ.ค.59 ตามประกาศที่ สคท.(ป) 001/2559 ให้ปรับเปลี่ยนเป็น 800 บาท ต่อบาททองคำ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่1 มี.ค.68 เป็นต้นไป
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า การปรับขึ้นค่ากำเหน็จทองคำครั้งนี้เป็นการปรับตามสถานการณ์ค่าแรงคนงานและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ไม่ได้ปรับขึ้นมาในรอบ 9 ปี ซึ่งเปรียบเสมือนการปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานเท่านั้น
นายพิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า การประกาศขึ้นราคาค่ากำเหน็จทองรูปพรรณจาก 500 บาท เป็น 800 บาทนั้น เป็นการปรับไปตามราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าแรงงานที่ปรับขึ้นมาจาก 9 ปีก่อน ถึง 1 เท่าตัว และมองว่าการปรับขึ้นครั้งนี้จะไม่กระทบกับผู้บริโภคทองคำ เพราะเป็นเพียงแค่การกำหนดราคาขั้นต่ำของค่ากำเหน็จที่เป็นขั้นต่ำ 800 บาทเท่านั้น
“จริงๆ ราคาค่ากำเหน็จจะขึ้นอยู่กับลวดลาย ความยากง่ายในการขึ้นรูปของทองรูปพรรณ ซึ่งบางลวดลายราคาค่ากำเหน็จสูงประมาณ 1,000-1,500 บาท อยู่แล้ว แต่การประกาศปรับขึ้นราคาครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้บริโภคทั่วไปได้รับรู้อย่างทั่งถึง และไม่เป็นที่ถกเถียงกับร้านค้าทองว่าทำไมค่ากำเหน็จราคาแพง”
นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ หรือ แม่ทองสุก กล่าวว่า สำหรับภาพรวมราคาทองคำขณะนี้เริ่มถูกกดดันจากค่าดอลลาร์อ่อนค่าทำให้ค่าเงินบาทแข็ง ส่งผลให้เมื่อวานนี้ (21 ก.พ. 68) ราคาทองคำลดลงจากระดับ 47,000 บาท เหลือ 46,600 บาท ส่วนทองคำโลกยังมีทิศทางขาขึ้นเช่นเดียวกับทองคำในประเทศ แต่ส่วนใหญ่นั้นปรับลดลงจากเงินบาทแข็งค่าทำให้ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดโลก 2-3%
อย่างไรก็ตาม ทองคำในตลาดทองล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 20 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,955 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมาย 3,000 ดอนลาร์ต่อออนซ์เข้าไปทุกที จากสภาวะความไม่แน่นอนของนโยบายการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐ และแนวโน้มหลักจะเห็นว่ากองทุนรวมและธนาคารกลางหันมาซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้นจากความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อเพิ่มขึ้นเมื่อราคาอ่อนตัว โดยแนะนำระยะสั้นให้เข้าซื้อในช่วงราคาทองคำโลกอยู่ระดับ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์