12-25
‘สศช.’ แนะไทยเตรียมรับมือพลังงานผันผวน หนุนเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา
2024-09-25 HaiPress
“สภาพัฒน์” ชี้ ไทยควรเตรียมความพร้อมแหล่งพลังงานรับมือความผันผวนปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ หนุนเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลใช้ประโยชน์แหล่งพลังงานร่วมกันกับกัมพูชา ส่วนกองทุนขีดแข่งขันถือเป็นเครื่องมือสำคัญดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายลงทุน
นายดนุชาพิชยนันท์เลขาธิการสภาพัฒนาการเศษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เปิดเผยว่าในเรื่องของการเตรียมความพร้อมรองรับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของสงครามในตะวันออกกลางสภาพัฒน์มองว่าไประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมในระยาวโดยเรื่องการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล(OCA)รัฐบาลไทยและกัมพูชากำลังทำงานเรื่องนี้ร่วมกันซึ่งต้องเจรจาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศโดยรูปแบบใช้การพัฒนาพื้นที่ร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย(JDA)ที่เคยทำสำเร็จมาแล้วส่วนเรื่องของเงินทุนในการลงทุนคิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาในการดำเนินการซึ่งมีหลายรูปแบบที่สามารถดำเนินการได้
“บริเวณดังกล่าวถือว่ามีทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับทั้งสองประเทศได้ในระยะยาวและรองรับความผันผวนของราคาพลังงานในกรณีที่มีความขัดแย้งบริเวณแหล่งผลิตน้ำมันที่ประเทศไทยนำเข้าซึ่งอาจมีการขยายพื้นที่สงครามได้”นายดนุชากล่าว
เมื่อถามว่าการดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายเช่นเรื่องอุตสาหกรรมชิปต้นน้ำรัฐบาลควรมีมาตรการอย่างไรนายดนุชากล่าวว่าเรื่องนี้รัฐบาลดำเนินการมาต่อเนื่องมีการให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนโดยสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติมคือการเพิ่มทักษะแรงงานให้มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้นซึ่งตรงนี้ก็มีการทำกับสถาบันศึกษาต่างๆในการผลิตบุคคลากรที่มีความเกี่ยวข้องส่วนการใช้เงินในกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันถือว่าเป็นเครื่องมือที่จำเป็นเพราะต้องยอมรับว่าการดึงบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้ต้องมีการให้แรงจูงใจที่มากพอซึ่งส่วนหนึ่งการให้เงินอุดหนุนซึ่งรัฐบาลกำลังจะเพิ่มขนาดกองทุนนี้ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้ในหารเจรจาดึงลงทุนเรามีเครื่องมือที่จะใช้เป็นข้อเสนอการจูงใจดึงการลงทุนได้
“ปัจจุบันกองทุนนี้น่าจะมีเงินเหลืออยู่ประมาณ5,000ล้านบาทแต่ก็ได้มีการทยอยใช้ในการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเป้าหมายมาลงทุนในไทยไปมากพอสมควรแล้วก็ต้องดูว่าจะมีงบประมาณที่เพิ่มเข้ามาในกองทุนนี้ไหร่แต่ที่อาจจะต้องมีเงินในหองทุนนี้2-3หมื่นล้านบาทเพื่อที่จะให้ความมั่นใจในการเจรจากับนักลงทุนว่าเราที่จะสนับสนุนได้”นายดนุชากล่าว