11-23
EA ยื่นเอกสารแจงข้อมูลเพิ่มเติมกับตลท. ลุ้น ได้ปลดเครื่องหมาย SP หรือไม่?
2024-07-16 HaiPress
EA ยื่นเอกสาร แจงข้อมูลเพิ่มเติมกับ ตลท. เรื่องผลกระทบฐานะทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สิน และแนวทางในการชำระหนี้
รายงานข่าวจาก บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้แจ้งต่อบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบฐานะทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สินโดยเฉพาะเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 และแนวทางที่ชัดเจนในการชำระหนี้ดังกล่าว รวมทั้งผลกระทบต่อการบริหารจัดการกิจการของบริษัทฯ สืบเนื่องจากการพ้นจากตำแหน่งของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารจากรณีการกล่าวโทษ โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย “H” (Halt) จนกว่าบริษัทฯ จะแจ้งข้อมูลให้ครบถ้วน
ในการนี้ บริษัทฯ ขอชี้แจงประเด็นดังกล่าวดังนี้
1. ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 บริษัทฯ มีหนี้สินเงินต้นที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 จำนวน 19,505 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย
เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินและตั๋วแลกเงินระยะสั้น จำนวนเงินณ 31 มี.ค. 67 ทั้งหมด 8,354 ล้านบาท มีการจ่ายชำระระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย. 67 แล้ว 210 ล้านบาท ทำให้มียอดคงเหลือโดยประมาณ 8,144 ล้านบาท
เงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวนเงิน ณ 31 มี.ค. 67 ทั้งหมด 5,659 ล้านบาท มีการจ่ายชำระระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย. 67 แล้ว 2,807 ล้านบาท ทำให้มียอดคงเหลือโดยประมาณ 2,852 ล้านบาท หรือตามที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อนหน้านี้ (ยอดรวมดอกเบี้ยแล้ว เท่ากับ 3,200 ล้านบาท)
หุ้นกู้ ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวนเงิน ณ 31 มี.ค. 67 ทั้งหมด 5,492 ล้านบาท หรือตามที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯก่อนหน้านี้ (5,500 ล้านบาท)
โดยภายหลังเดือนมีนาคม 2567 ถึง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่มีการก่อภาระหนี้สินระยะยาวเพิ่มเติม
สำหรับภาระหนี้สินที่จะต้องชำระในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่บริษัทได้ขี้แจงตลาดหลักทรัพย์ไปก่อนหน้านั้นเป็นในส่วนภาระการชำระหนี้ระยะยาวของบริษัทรวมทั้งหุ้นกู้ โดยพิจารณาจากการประมาณการเงินกู้ระยะยาวรวม ดอกเบี้ยที่ต้องชำระคืนประมาณ 3,200 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระอีก 5,500 ล้านบาท ซึ่งจะต้องดำเนินการชำระตั้งแต่วันที่ชี้แจง จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ทั้งนี้ส่วนที่เหลือเป็นวงเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบัน การเงินหลายแห่งซึ่ง ณ สิ้นไตรมาสที่หนึ่ง มีอยู่ที่ 8,354 ล้านบาท โดยเบื้องต้นบริษัทไม่ได้ชี้แจงเนื่องจากวงเงินกุ้ระยะสั้นนั้นโดยปกติบริษัทจะทำการ Roll Over เงินกู้ระยะสั้นในส่วนนี้อยู่แล้ว
หุ้นกู้ทั้งหมดที่บริษัทมีนั้นเป็นหุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน และมีเงื่อนไข Cross Default กับสถาบันการเงิน หรือหุ้นกู้อื่น
2. จากเดิมบริษัทมีความตั้งใจที่จะ Roll Over เงินกู้ระยะสั้นตามที่เคยปฏิบัติมาสำหรับเงินกู้ระยะสั้นทั้งหมด และมีแผนที่จะชำระเงินกู้และหุ้นกู้ระยะยาวที่จะครบกำหนดในปี 2567 ด้วย
1) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานโดยไตรมาสที่ 1 ปี 256 7 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินกิจการจำนวน 1,900 ล้านบาท และบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมทุกเดือนประมาณ 1,000 ล้านบาท
2) วงเงินกู้จากสถาบันการเงินวงเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขั้นสุดท้ายของสถาบันการเงิน
3) หุ้นกู้ที่จะออกเพิ่มเติมในปี 2567 จำนวนและวันเสนอขาย อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้รับประกันการจัดจำหน่าย โดยบริษัทคาดว่าจะเป็นหุ้นกู้อายุ 1 ปี และ 3 ปี
อนึ่ง ณ เวลา 16.15 น. บริษัทได้รับการแจ้งข้อมูลจาก TRIS Rating ว่าบริษัทได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ (Negative) เป็น BB+ (Negative) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ใหม่ที่จะออกตามแผนเดิม อย่างไรก็ดีบริษัทขอเน้นย้ำว่าบริษัทยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกระแสเงินสดหลักให้กับบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาและพิจารณาคัดเลือก Strategic Partner(s) เข้ามาร่วมลงทุน สร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้ และพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
3. สำหรับผลกระทบต่อการบริหารจัดการกิจการของบริษัทฯ กรณีนายสมโภชน์ อาหนัย (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล (CFO) ซึ่งดูแลรับผิดชอบตำแหน่งบริหารสำคัญ พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่ างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคณะผู้บริหาร
และทีมงานที่บริหารจัดการยังคงเป็นชุดเดิม ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งนายสมใจนึก เองตระกูล เข้าดำรงตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และเป็นที่น่าเชื่อถือ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทฯ รวมถึงกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์เพื่อนำบริษัทก้าวผ่านวิกฤติได้
สำหรับนายวสุ กลมเกลี้ยง ในฐานะรักษาการ CFO เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการเงินการลงทุน และเป็นอดีตผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ มีประสบการณ์เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างดี อีกทั้งมีศักยภาพ ทักษะความรู้ ความสามารถในการบริหารงานที่เกี่ยวข้อง และอยู่ในสายงานนี้มามากกว่า 10 ปี ทั้งนี้ หากบริษัทฯ มีความคืบหน้าเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว จะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์รับทราบต่อไป