11-23
ส่องแนวโน้มตลาดลงทุนไทย-ทั่วโลก กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง 2567 รับมือท้าทาย
2024-06-24 HaiPress
ส่องแนวโน้มตลาดการลงทุนไทยและทั่วโลก ภาพรวมเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังของ 2567 รับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ
แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังของ 2567 รับมือกับสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐ
“สเตฟาน โฮเฟอร์” หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของแอลจีที (LGT) ไพรเวทแบงก์กิ้ง ภูมิภาคเอเชีย เผยมุมมองของ LGT เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเอเชีย รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีหลังของ 2567
สหรัฐอเมริกา
ในครึ่งปีแรกเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐเติบโตในระดับที่เหนือความคาดหมาย การอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือนยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราการว่างงานที่ต่ำเพียง 4% อัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะลดลงในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมกราคม 2567 ก็ตาม
โดยรวมเราคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 2567 เป็นต้นไป แต่อาจจะมีแนวโน้มว่าจะปรับลดเพียงครั้งเดียวสำหรับปี 2567 เนื่องจากเริ่มเข้าใกล้ถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐ มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง
ดังนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐ จึงยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับเราในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ถึงแม้ว่าระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐ จะเพิ่มสูงขึ้น LGT มองว่าไม่ได้ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเสี่ยงต่อการสูญเสียสถานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก
ญี่ปุ่น
ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 เป็นต้นมา สินทรัพย์เสี่ยงของญี่ปุ่นมีผลการดำเนินงานที่ดีในแง่ของเงินเยน อย่างไรก็ตาม ค่าเงินเยนได้เคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่างจากที่เราคาดการณ์ไว้ โดยอ่อนค่าลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ในระหว่างนั้น อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐต่อเยนได้พุ่งสูงถึง 160 เยน ก่อนที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นและกระทรวงการคลังจะเข้าแทรกแซง ทำให้อัตราลดลงมาอยู่ที่ 155 เยนต่อดอลลาร์ หากธนาคารกลางสหรัฐ มีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ และดำเนินการต่อเนื่องในปี 2568 ส่วนต่างระหว่างสกุลเงินดอลลาร์และเยนก็จะลดลง
ซึ่งจะส่งผลให้เงินเยนมีโอกาสแข็งค่าขึ้น โดยรวมเราคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะปรับนโยบายทางการเงินโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่โอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงนั้นเป็นไปได้ยาก
อินเดีย
LGT ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นอินเดียในระยะยาว แต่ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงในการปฏิบัติตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลนั้นเพิ่มสูงขึ้นหลังจากผลการเลือกตั้งล่าสุด เมื่อคำนึงถึงการสร้างแนวร่วมรัฐบาลที่กว้างขึ้น เราอาจเห็นนโยบายการคลังของอินเดียถูกผ่อนคลายลงภายใต้การปกครองสมัยที่ 3 ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี
นอกจากนี้ ความสำคัญของการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอาจลดลง เช่นเดียวกับการปฏิรูปที่ดิน อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนมองเห็นหลักฐานที่ชัดเจนที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอินเดียในเดือนข้างหน้านี้ เราคาดว่าตลาดหุ้นอินเดียจะสามารถทำผลงานได้ดีกว่าในระยะกลาง
จีน
แนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนได้ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากได้มีการประกาศซื้ออสังหาริมทรัพย์ส่วนเกินและที่ดินเปล่าจากภาครัฐ ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าราคาบ้านใหม่ทั่วประเทศจีนยังคงลดลง ฉะนั้นการที่ภาครัฐเข้ามาจัดการอุปทานส่วนเกินอาจส่งผลดีและช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาด อีกทั้งยังเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้อีกด้วย
ในอีกมุม การเลือกตั้งในสหรัฐ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความไม่สงบทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมีการออกมาตรการทางภาษีและมาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษีเพิ่มเติม ด้วยเหตุนี้ เราจึงเลือกที่จะเพิ่มความระมัดระวังต่อการลงทุนในจีนและเลือกที่จะติดตามสถานการณ์และรอจังหวะที่เหมาะสมเมื่อสถานการณ์มีความชัดเจนและคลี่คลายลง
ยุโรป
ยุโรปเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดี หรือที่เรียกว่า “green shoots” หนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวนี้คือการกู้ยืมของภาคครัวเรือนที่กลับมาเป็นบวกทั่วยูโรโซนหลังจากช่วงเวลาหนึ่งที่สินเชื่อหดตัวลงเนื่องจากต้นทุนการกู้ยืม (อัตราดอกเบี้ย) ที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนกำลังลดลงเร็วกว่าในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ธนาคารกลางยุโรปสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วกว่าธนาคารกลางสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนสำหรับอุตสาหกรรมด้านก๊าซธรรมชาติได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้มีการสูญเสียงานในบางภาคส่วน โดยรวมแล้ว LGT มีมุมมองที่เป็นกลางสำหรับยุโรป แต่อาจมีการปรับสถานะเป็นการเพิ่มน้ำหนัก หากผลประกอบการของบริษัทในยุโรปมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของ 2567
ไทย
ตลาดหุ้นไทยยังคงซบเซาเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเป็นปีที่สองติดต่อกัน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงบวกกับผลกระทบทางด้านการเมือง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าภายในปีนี้และปีหน้าจะเริ่มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว (ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 87% ของช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19) และมาตรการกระตุ้นการเงินแก่ภาคครัวเรือน
ในด้านการท่องเที่ยว ทางการไทยกำลังให้ความสำคัญกับการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง โดยส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่มีความน่าสนใจในระดับโลก
กลยุทธ์การลงทุนในระดับโลก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแบบผสม จัดสรรการลงทุนให้พอร์ตการลงทุน โดยการลงทุนเต็มอัตรา ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่สูง (คิดเป็น 42% เทียบกับสัดส่วนที่กำหนดไว้ที่ 35%) มุ่งเน้นตลาดหุ้นในภูมิภาคอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น จัดสรรการลงทุนในตราสารหนี้ใกล้เคียงกับสัดส่วนที่กำหนดไว้ (คิดเป็น 42%) โดยเน้นไปที่พันธบัตรคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่ 15% ควบคู่ไปกับเงินสด (1%) เพื่อเสริมพอร์ตการลงทุนแบบผสม