11-23
สมาคมศูนย์การค้าไทย กางแผนเปิดอีก 18 โครงการภายในปี73
2024-06-19 HaiPress
สมาคมศูนย์การค้าไทย กางแผนเปิดอีก 18 โครงการในปี 73 พร้อมหนุนการจับจ่ายสร้างเม็ดเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์การค้าเป็นธุรกิจที่สำคัญและมีบทบาทเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จึงได้ตระหนักถึงความสำคัญในการผนึกกำลังกันเพื่อสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่ง สร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วน รวมไปถึงบทบาทการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานราก การสร้างสรรค์สังคมผ่านการสร้าง Shared Valued Creation โดยใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของเราให้เป็นประโยชน์ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ,เกษตรกร และชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังเล็งเห็นร่วมกันถึงการผลักดันนโยบายด้าน‘สิ่งแวดล้อม’อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือสนับสนุนประเทศชาติสู่Net Zeroโดยในปีนี้ ได้ออกนโยบายสนับสนุนให้ศูนย์การค้าร่วมกัน‘ปรับตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นเพียง 1°Cเพื่อประหยัดพลังงานช่วยชาติ’และยังขอเชิญชวนไปยังภาคประชาชนอีกด้วย สำหรับด้านการจัดการขยะยังได้จับมือกับ กทม.เข้าร่วมโครงการ‘ห้างนี้…ไม่เทรวม’โดยเริ่มต้นที่การจัดการขยะอาหารและทำให้ธุรกิจศูนย์การค้าเป็นต้นแบบให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่อื่นๆ ต่อไปอีกด้วย”
ทั้งนี้ สมาคมศูนย์การค้าจึงเน้นผลักดันนโยบาย3ด้านสำคัญได้แก่
1.การลงทุนใน‘ธุรกิจศูนย์การค้า’ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ กระตุ้นการจ้างงาน สร้างอาชีพโดยปัจจุบันหากนับเฉพาะสมาชิกสมาคมฯมีธุรกิจศูนย์การค้ารวม90แห่งทั่วประเทศ นับเป็นพื้นที่รวมทั้งหมด15ล้านตารางเมตร เทียบเป็นสัดส่วน50%ธุรกิจศูนย์การค้าในประเทศไทยมีพนักงาน(รวมร้านค้า) กว่า220,000คน และสร้างงานในอุตสาหกรรมราว500,000คนโดย มีแผนขยายในอนาคตถึงปี2573เพิ่มอีก18โครงการ รวมมูลค่ากว่า152,000ล้านบาทขณะเดียวกันการสนับสนุน ‘การจับจ่าย’&‘กำลังซื้อประชาชน’ผ่านการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดสอดรับนโยบายภาครัฐอย่างมาตรการEasy e-Receiptจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศที่ดี ซึ่งมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีเงินสะพัดกว่า5หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ได้เสนอภาครัฐในการสร้างMultiplier Effectในการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อให้ประชาชนเพื่อเป็นการเพิ่มอุปสงค์การซื้อสินค้าและบริการนำไปสู่การเพิ่มรายได้ของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยการใช้จ่ายแต่ละรอบจะกลายเป็นรายได้ของผู้อื่นต่อเนื่องกันไป ส่งผลให้มีการจับจ่ายและการลงทุนเพิ่มขึ้น นำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ พร้อมกับเสนอเพิ่มความถี่มาตรการEasy e-Receiptมากกว่า1ครั้งต่อปี เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
2.สร้างพื้นที่ศูนย์การค้าให้SMEsโชว์ศักยภาพตลอดจนผู้ด้อยโอกาส ได้ใช้ศักยภาพพื้นที่ในศูนย์การค้าเปิดพื้นที่ฟรีให้ผู้ประกอบการ,เกษตรกร และชุมชนร่วมCo-CreateและCreating Shared Valueสร้างโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศในอนาคต โดยยกระดับThainess& Soft Powerริเริ่มพื้นที่ThainessStationสินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน ผลักดันและยกระดับสินค้าท้องถิ่นไทยสู่ตลาดโลกผ่านการนำมาจัดแสดงและจัดจำหน่ายในพื้นที่ศูนย์การค้า เช่น สินค้าไทย สินค้าพื้นเมืองOTOPผลงานของนักออกแบบไทย เมนูอาหารไทย เมนูอาหารเพื่อสุขภาพถ่ายทอดวัตถุดิบจากภาคต่างๆรวมถึงจัดCultural Eventครบทุกมิติ ชูความโดดเด่นของไทยทั้งด้านFood,Fashion,Fighting,และFestivalอาทิFashion Showกางเกงช้าง ผ้าไทย กิจกรรมมวยไทย ประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง การจัดโขน การแสดงดนตรีไทย การนวดไทย และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอีกด้วย
3.ผลักดันศูนย์การค้าจัดการพลังงาน‘เพิ่ม1ลด4’หมายถึงเพิ่มอุณหภูมิ1องศา ลดความเสี่ยงsudden changeของอุณหภูมิจากอากาศร้อนเจออากาศเย็น ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดโลกร้อนซึ่งจุดเปลี่ยนของการปรับเพิ่มอุณหภูมิ1องศา สามารถลดการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย2.54%นับเฉพาะสมาชิกสมาคมฯ ลดการใช้พลังงานได้25ล้านหน่วยต่อปี เป็นเงิน113ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก12,527ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าหรือเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า1.3ล้านต้นราว7,000ไร่และหากทั้งอุตสาหกรรมร่วมมือกันจะลดได้ราว53ล้านหน่วย เท่ากับ238ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในภาคบริการ โดยติดตั้งSolar roofรวมกำลังการผลิตแล้วกว่า66 MWpมากกว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนอุบลรัตน์ ที่ได้จากพลังงานน้ำและพลังงานจากแผงโซล่าร์รวมกันที่34%ซึ่งประมาณการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของหลังคาศูนย์การค้านับเฉพาะสมาชิกฯ อยู่ที่86ล้านหน่วยคิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นร่วม 1,700 ล้านบาทนอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่ใช้ลดพลังงานอื่นๆ เช่นMachine efficiencyปรับเปลี่ยนใช้เครื่องทำความเย็น (Chiller) ประสิทธิภาพสูง เปลี่ยนหลอดไฟLED
นอกจากนี้ ในปี 2567 สมาคมศูนย์การค้าไทย ยังเพิ่มมาตรการในธุรกิจศูนย์การค้าเพื่อดูแล ‘สิ่งแวดล้อม’ ที่มากยิ่งขึ้น โดยจับมือกับ กรุงเทพมหานคร เสริมมาตรการจัดการขยะ ในโครงการ “ห้างนี้…ไม่เทรวม” จัดการขยะแบบพุ่งเป้า เป้าแรกคือ ขยะอาหาร เป้าสองคือ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าเป็นต้นแบบให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่อื่นๆ ต่อไป ซึ่งจัดการให้ศูนย์การค้ามีระบบการบริหารจัดการขยะที่ต้นทาง ลดปริมาณขยะที่ส่งไปจำกัด สร้างวัฒนธรรมและวิถีปลอดขยะ เพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะที่ดี และสมาชิกสมาคมฯ ยังมีเป้าหมายด้านการคัดแยกขยะ เพื่อพร้อมก้าวสู่การเป็น Zero Waste ซึ่งมีทางเลือกมาตรการจัดการแยกขยะที่หลากหลาย
ปัจจุบัน สมาคมศูนย์การค้าไทยประกอบด้วยผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าทั้งหมด 12 ราย ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะมอลล์ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ จำกัด, บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด, บริษัท แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด, บริษัท วัน แบงค็อก จำกัด, บริษัท แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จำกัด,และบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน)